1. ข้อใดสะท้อนความรู้สึกของผู้แต่งคำประพันธ์ต่อไปนี้ได้ตรงที่สุดเมื่อเมือคนคั่งคักด้วยคนป่า คนดีก็ด้อยคำเหมือนกรวดหินเหมือนสัตว์ป่าสร้างป่าไว้หากิน สัตว์เมืองก็ต้องสิ้นวิสัยเมือง1) โกรธแค้น 2) สมเพช 3) ท้อแท้ 4) อนาถใจ
|
2. ข้อใดเป็นสารสำคัญของคำประพันธ์ต่อไปนี้ เปรมปรีดิ์ที่ไผ่ฟ้อน ลมดงปลิวลิ่วใบลอยลง ต่อหน้าไตรลักษณ์นั่นคือมง- คลคู่ คิดนามองทั่วถึงพึงกล้า แจ่มจ้าพุทธธรรม1) อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นมงคลชีวิต 2) ธรรมชาติแสดงให้เห็นสัจธรรมในพระพุทธศาสนา 3) ใบไผ่ที่ร่วงหล่นแสดงให้เห็นความเป็นอนิจจัง 4) ผู้เห็นไตรลักษณ์คือผู้มีความสุขตามธรรมชาติ
|
3. ข้อใดสอดคล้องกับสัจธรรมที่ปรากฎในคำประพันธ์ต่อไปนี้มากที่สุด ภาษิตแต่เก่าก่อนท่านสอนชี้ ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหนปนกันอยู่ถูกแล้วผิดพลาดหลงจงตรองดู มืดแล้วแจ้งมีอยู่เป็นคู่กัน1) เกิดมามนุษย์ปุถุชน ความทุกข์มิได้พ้นจนสักหน้า 2) อันกำเนิดเกิดมาในหล้าโลก สุขกับโศกมิได้สิ้นอย่าสงสัย 3) อันบ่วงกรรมทำไว้ในปางหลัง เป็นพืชยังปางนี้ให้มีผล 4) อนัตตาใช่ว่าของแท้ คงก็แต่บาปบุญเจ้าคุณเอ๋ย
|
4. ข้อใดแสดงแนวคิดต่างจากข้ออื่น1) ชาติตะปูชาติแข็งต้องแทงตรึง ชาติขี้ผึ้งชาติอ่อนร้อนละลาย 2) แต่ไม้ไผ่อันหนึ่งตันอันหนึ่งแขวะ สีแหยะแหยะตอกตะบันเป็นควันฉิว 3) อันเสาหินแปดศอกตอกเป็นหลัก ไปมาผลักบ่อยเข้าเสายังไหว 4) เรียงอิฐติดแน่นแผ่นละครั้ง ยังเป็นวังใหญ่เยี่ยมเทียมสิงขร
|
5. ข้อใดสอดคล้องกับสัจธรรมที่ปรากฎในคำประพันธ์ต่อไปนี้มากที่สุด ภาษิตแต่เก่าก่อนท่านสอนชี้ ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหนปนกันอยู่ถูกแล้วผิดพลาดหลงจงตรองดู มืดแล้วแจ้งมีอยู่เป็นคู่กัน1) เกิดมามนุษย์ปุถุชน ความทุกข์มิได้พ้นจนสักหน้า 2) อันกำเนิดเกิดมาในหล้าโลก สุขกับโศกมิได้สิ้นอย่าสงสัย 3) อันบ่วงกรรมทำไว้ในปางหลัง เป็นพืชยังปางนี้ให้มีผล 4) อนัตตาใช่ว่าของแท้ คงก็แต่บาปบุญเจ้าคุณเอ๋ย
|
ต้องการเฉลยข้อสอบ โปรดเข้าระบบสมาชิก
|
|
|