1. ข้อใดมีน้ำเสียงต่างจากข้ออื่น1) จากแรงมาเป็นรวง ระยะทางนั้นเหยียดยาวจากรวงเป็นเม็ดพราว ล้วนทุกข์ยากลำเค็ญเข็ญ 2) สองมือเฮามีแฮง เสียงเฮาแย้งมีคนยินสงสารอีศานสิ้น อย่าซุด, สู้ด้วยสองแขน 3) โซ่ประตูตรึงผูกถูกกระชาก เสียงแห่งความทุกข์ยากก็ยิ่งใหญ่สว่างวาบแปลบพร่ามาไรไร ก็รู้ได้ว่าทางยังพอมี 4) ลมประสานเสียงแคนว่าแค่นแค้น เปิปข้าวทุกคราวแค่นความขื่นขมเหงื่อภูรินตากูแล้งน้ำแห้งตรม แม้ทุกข์ถมจักหยัดยืนคืนค่าคน
|
2. ข้อใดสอดคล้องกับสัจธรรมที่ปรากฎในคำประพันธ์ต่อไปนี้มากที่สุด ภาษิตแต่เก่าก่อนท่านสอนชี้ ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหนปนกันอยู่ถูกแล้วผิดพลาดหลงจงตรองดู มืดแล้วแจ้งมีอยู่เป็นคู่กัน1) เกิดมามนุษย์ปุถุชน ความทุกข์มิได้พ้นจนสักหน้า 2) อันกำเนิดเกิดมาในหล้าโลก สุขกับโศกมิได้สิ้นอย่าสงสัย 3) อันบ่วงกรรมทำไว้ในปางหลัง เป็นพืชยังปางนี้ให้มีผล 4) อนัตตาใช่ว่าของแท้ คงก็แต่บาปบุญเจ้าคุณเอ๋ย
|
3. ข้อใดเป็นสารสำคัญของคำประพันธ์ต่อไปนี้ เปรมปรีดิ์ที่ไผ่ฟ้อน ลมดงปลิวลิ่วใบลอยลง ต่อหน้าไตรลักษณ์นั่นคือมง- คลคู่ คิดนามองทั่วถึงพึงกล้า แจ่มจ้าพุทธธรรม1) อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นมงคลชีวิต 2) ธรรมชาติแสดงให้เห็นสัจธรรมในพระพุทธศาสนา 3) ใบไผ่ที่ร่วงหล่นแสดงให้เห็นความเป็นอนิจจัง 4) ผู้เห็นไตรลักษณ์คือผู้มีความสุขตามธรรมชาติ
|
4. ข้อใดไม่สอดคล้องกับเนื้อหาในคำประพันธ์ต่อไปนี้ คำยอยกย่องเที้ยร1) 1 2) นี่หรือรักจะมิน่าเป็นราคิน 3) แต่ชื่อดินเจียวยังกลายเป็นหลายคำ 4) อันมนุษย์หาสุดแก่ใครไม่ มันกลับกลอกนอกในเป็นหนักหนา
|
5. ข้อใดมีเนื้อความที่ให้กำลังใจชัดเจนที่สุด1) เริ่มต้นสร้างทางดีให้กับชีวิต จักพิชิตความทุกข์สบสุขสันต์ 2) ไม่มีแล้วแสงใดในแสงดาว จะสกาวเท่าแสงแห่งเยาวชน 3) หากชีวิตนี้คงดำรงอยู่ ต้องต่อสู้ฟันฝ่าอย่ากำสรวล 4) หยาดน้ำใจได้รับยามอับจน จึงคำล้นฝนมณีทุกสีไป
|
ต้องการเฉลยข้อสอบ โปรดเข้าระบบสมาชิก
|
|